
คอเลสเตอรอลสูงแต่ผอม ทำไม?
1. ไขมันในเลือด ≠ ไขมันใต้ผิวหนัง
- ไขมันใต้ผิวหนัง: คือสิ่งที่เราเห็นเป็นรูปร่าง (อ้วนหรือผอม)
- ไขมันในเลือด: วัดจาก LDL, HDL และไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือด เกิดจากทั้งอาหารและพันธุกรรม
- ตัวอย่าง: คนผอมที่ชอบกินอาหารไขมันทรานส์หรือเนื้อแปรรูปบ่อยๆ สามารถมี LDL สูงได้แม้น้ำหนักปกติ
2. 3 สาเหตุหลักของคนผอมไขมันสูง
พันธุกรรม
- ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงจากพันธุกรรม: ร่างกายผลิต LDL มากผิดปกติแม้กินอาหารน้อย
- ยีนผิดปกติ: ตัวรับ LDL ทำงานบกพร่อง ทำให้ร่างกายกำจัด LDL ไม่ได้
พฤติกรรมเสี่ยง
- กินอาหารไขมันอิ่มตัวสูง: เช่น เนื้อแดง เบเกอรี่ และอาหารทอด ทำให้ LDL เพิ่มขึ้น
- ไม่ออกกำลังกาย: ร่างกายไม่เผาผลาญไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นไขมันในเลือด
- ดื่มแอลกอฮอล์: เพิ่มไตรกลีเซอไรด์ได้ถึง 2-3 เท่า
โรคแทรกซ้อน
- ไทรอยด์ต่ำ: ลดการสลาย LDL
- เบาหวาน: น้ำตาลในเลือดสูงเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์
- ตับแข็ง: สร้าง HDL (ไขมันดี) ลดลง ทำให้กำจัด LDL ไม่ได้
3. สัญญาณอันตรายที่คนผอมต้องระวัง
- เหนื่อยง่าย โดยไม่มีสาเหตุ
- เวียนศีรษะบ่อย จากเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
- ปวดน่องเวลาเดิน (อาจเกิดจากหลอดเลือดขาตีบ)
4. วิธีตรวจเช็ค
- ตรวจเลือด Fasting Lipid Profile:
- LDL: ควรต่ำกว่า 130 mg/dL (สำหรับคนทั่วไป) หรือต่ำกว่า 70 mg/dL (สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ)
- ไตรกลีเซอไรด์: ควรต่ำกว่า 150 mg/dL
- ตรวจพันธุกรรม: ควรตรวจหากครอบครัวมีประวัติหัวใจวายก่อนอายุ 55 ปี
5. แก้ไขก่อนสาย
ปรับอาหาร
- เลี่ยงไขมันทรานส์: เช่น มาการีนและอาหารทอดซ้ำ
- เพิ่มไขมันดี: อะโวคาโด ปลาทะเล น้ำมันมะกอก
- เพิ่มไฟเบอร์ละลายน้ำ: ข้าวโอ๊ต แอปเปิ้ล ช่วยจับคอเลสเตอรอลในลำไส้
ออกกำลังกาย
- แอโรบิก 150 นาทีต่อสัปดาห์: เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่ม HDL (ไขมันดี)
- เวทเทรนนิ่ง: ช่วยเผาผลาญไตรกลีเซอไรด์
รักษาโรคต้นเหตุ
- ควบคุมเบาหวาน: รักษาระดับ HbA1c ให้ต่ำกว่า 7%
- ยา:
- สแตติน (เช่น Atorvastatin) ช่วยลด LDL ได้ 30-50%
- Ezetimibe ช่วยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอล
ตัวอย่างผู้เสี่ยง:
- นักธุรกิจผอม ที่กินแต่อาหาร Delivery ทุกวัน → มี LDL 180 mg/dL
- สาวออฟฟิศน้ำหนัก 45 กก. ที่มีพ่อเป็นโรคหัวใจ → มี LDL 210 mg/dL
คำเตือน: อย่าปล่อยไว้! แม้คุณจะผอม แต่หาก LDL มากกว่า 190 mg/dL คุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจวายเทียบเท่ากับคนอ้วน