
ความแตกต่างระหว่างไฟโตสเตอรอล (Phytosterol) กับยาลดคอเลสเตอรอล แบบเข้าใจง่าย
1. ทำงานคนละแบบ
ไฟโตสเตอรอลทำงานที่ลำไส้:
- เหมือน “ยามประตู” ที่คอยขัดขวางไม่ให้คอเลสเตอรอลจากอาหารเข้าสู่ร่างกาย
- แย่งที่คอเลสเตอรอลในลำไส้ ทำให้คอเลสเตอรอลถูกดูดซึมน้อยลง
- ช่วยเพิ่มการขับคอเลสเตอรอลออกทางอุจจาระ
ยาสแตติน ทำงานที่ตับ:
- เหมือน “ปิดโรงงาน” ที่ผลิตคอเลสเตอรอลในตับ
- ยับยั้งเอนไซม์ที่ตับใช้สร้างคอเลสเตอรอล
- เพิ่มตัวรับที่ช่วยดึง LDL ออกจากกระแสเลือด
2. ที่มาต่างกัน
ไฟโตสเตอรอล:
- เป็นสารธรรมชาติจากพืช (พบในถั่ว ธัญพืช น้ำมันพืช)
- มักอยู่ในรูปอาหารเสริม มาการีนพิเศษ หรือโยเกิร์ตเสริม
- ไม่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ ซื้อได้เอง
ยาสแตติน:
- เป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี
- อยู่ในรูปยาเม็ดหรือยาฉีด
- ต้องได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์
3. ความแรงและเวลาเห็นผล
การเปรียบเทียบ | ไฟโตสเตอรอล | ยาสแตติน |
---|---|---|
ลด LDL ได้ | 8-10% (เมื่อทาน 2-3g/วัน) | 30-50% |
เห็นผลใน | 2-3 สัปดาห์ | 4-6 สัปดาห์ |
ผลต่อ HDL (ไขมันดี) | แทบไม่มีผล | เพิ่มขึ้นเล็กน้อย |
4. ผลข้างเคียงต่างกัน
ไฟโตสเตอรอล:
- แทบไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ถ้าทานไม่เกิน 3 กรัม/วัน
- ถ้าทานเกินขนาด อาจลดการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (วิตามิน A, D, E, K)
- บางคนอาจมีอาการท้องเสียเล็กน้อยในช่วงแรก
ยาสแตติน:
- อาจทำให้ปวดกล้ามเนื้อหรือตับอักเสบ (พบประมาณ 5-10% ของผู้ใช้ยา)
- เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานหากใช้ระยะยาว
- ต้องตรวจเลือดเป็นระยะเพื่อติดตามผล
5. เหมาะกับคนต่างกลุ่ม
ไฟโตสเตอรอลเหมาะสำหรับ:
- คนที่คอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย (LDL 130-160 mg/dL)
- คนที่ต้องการป้องกันโรคหัวใจแต่ยังไม่มีอาการรุนแรง
- คนที่อยากใช้วิธีธรรมชาติในการควบคุมคอเลสเตอรอล
- ผู้ที่ไม่สามารถทนผลข้างเคียงของยาสแตตินได้
ยาสแตติน เหมาะสำหรับ:
- คนที่คอเลสเตอรอลสูงมาก (LDL มากกว่า 190 mg/dL)
- ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูง
- คนที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลอย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจน
6. การใช้ระยะยาว
ไฟโตสเตอรอล:
- ใช้ได้ต่อเนื่องไม่จำกัดเวลา ไม่ต้องหยุดพัก
- เหมาะกับการปรับไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพในระยะยาว
- ควรใช้ร่วมกับการปรับอาหารและออกกำลังกาย
- สามารถใช้เสริมร่วมกับยาลดคอเลสเตอรอลได้
ยาสแตติน:
- ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และตรวจติดตามสม่ำเสมอ
- อาจเกิดการดื้อยาหากไม่ปรับพฤติกรรมร่วมด้วย
- บางรายอาจต้องใช้ตลอดชีวิต
7. แหล่งที่พบและวิธีบริโภค
ไฟโตสเตอรอล:
- พบตามธรรมชาติในน้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดงา ถั่วต่างๆ
- มีผลิตภัณฑ์เสริมไฟโตสเตอรอลเช่น มาการีน นมเสริม และโยเกิร์ตพิเศษ
- ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ยาสแตติน:
- มีหลายชนิด เช่น atorvastatin, simvastatin, rosuvastatin
- มักรับประทานตอนเย็นหรือก่อนนอน
- ขนาดและความถี่ขึ้นอยู่กับการสั่งจ่ายของแพทย์
สรุปแบบเข้าใจง่าย
ไฟโตสเตอรอล เหมือน “คนคอยเฝ้าประตู” ที่ลำไส้ ป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย เป็นทางเลือกธรรมชาติ ปลอดภัย แต่ลดได้ไม่มาก เหมาะกับคนที่อยากควบคุมคอเลสเตอรอลแบบค่อยเป็นค่อยไปและระยะยาว
ยาสแตติน เหมือน “ปิดโรงงานผลิต” คอเลสเตอรอลที่ตับ มีประสิทธิภาพสูง ลดได้เยอะและเร็ว แต่มีความเสี่ยงผลข้างเคียง เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจสูงและต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
คนส่วนใหญ่ที่เริ่มมีคอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย อาจเริ่มต้นด้วยไฟโตสเตอรอลร่วมกับการปรับอาหารและออกกำลังกายก่อน หากไม่ได้ผล จึงค่อยปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยา ในบางกรณี การใช้ทั้งสองอย่างร่วมกันภายใต้การแนะนำของแพทย์อาจให้ผลดีที่สุด